วันเสาร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

หนีทุกข์ตลอดเวลา - เข็มทิศชีวิต

หัวใจสำคัญในการดำเนินชีวิตคือ การรู้จักที่จะหยุดฟังเข็มทิศภายใน ในชีวิตที่ทุกอย่างเป็นของสำเร็จรูป ตั้งแต่กาแฟ บะหมี่ ไปจนถึงวิธีดำเนินชีวิต วิธีประสบความสำเร็จ วิธีบอกรักใครสักคน สิ่งที่ได้มาอย่างง่ายๆ ลวกๆ ผลที่ได้ก็ ตื้นๆ คร่าวๆ ตามมา
ชีวิตเป็นสิ่งลึกซึ้ง อ่อนโยน สิ่งดีที่สุดใจเราโหยหาอยู่ตรงหน้าเราตลอดเวลา แต่เราไม่เคยสัมผัส ใจเราถูกห่อหุ้มปิดบังไว้ด้วยความวุ่นวายภายนอกและภายใน
การฝึกให้เราว่องไวต่อความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง เริ่มจากการที่ตามรู้จิตใจของเราให้ได้ทันกับการเกิดขึ้นแต่ละขณะ ต้องใช้การฝึก หลายคนมักจะบอกว่าเป็นสิ่งที่น่าอึดอัด ที่ต้องมาตามรู้ร่างกายและจิตใจของตัวเอง สิ่งที่อยากจะบอกก็คือร่างกายและจิตใจนี่แหละ คือความจริงของชีวิต ตลอดเวลาเราหนีความจริงที่ว่าร่างกายและจิตใจของเราอยู่ในสภาพที่ถูกบีบคั้น เป็นทุกข์ มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด บังคับไม่ได้ ...
อยู่บ้านเบื่อก็ไปเที่ยว เที่ยวมากๆ เหนื่อย ทุกข์ ก็ต้องกลับมาพักที่บ้าน ...
ทำงานที่นี่เบื่อ ทุกข์ ก็เปลี่ยนงานใหม่ ....
อยู่กับแฟนคนนี้ เบื่อ ทุกข์ เปลี่ยนแฟนใหม่ ....
เราหนีอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งชีวิต โดยไม่มีโอกาสหยุดพิจารณาว่า สาเหตุใหญ่ของความทุกข์เริ่มที่ใจ แล้วเราก็หนีที่จะไม่เผชิญหน้ากับมัน แล้วหากเกิดมันเป็นเรื่องที่เราหนี ไม่ได้ เช่น ปัญหา ของคนในครอบครัวเรา ในชีวิตเรา หรือโรคร้ายที่เกิดกับตัวเราที่เราหนีไม่ได้ เราจะทำอย่างไร
การฝึกตามรู้ร่างกายและจิตใจ ทำให้เราสามารถอยู่กับสิ่งที่เป็นทุกข์ โดยที่ใจเราไม่ทุกข์ได้ เหมือนเป็นแค่คนเฝ้ารู้ เฝ้าดูอยู่ห่างๆ เหมือนที่ดิฉันเล่าว่า ได้เห็นด้วยตัวเอง เมื่อความเจ็บปวดเกิดขึ้นบนร่างกาย แต่ไม่สามารถลากใจเราให้กระเพื่อมทุรนทุรายตามไปได้
จากหนังสือ เข็มทิศชีวิต โดยคุณ ฐิตินาถ ณ พัทลุง

วันอังคารที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ลิงน้อยกับกะปิ - เข็มทิศชีวิต

เวลาที่คนจะแกล้งลิงก็มักจะเอากะปิไปทาที่มือลิง เจ้าลิงเกลียดกะปิที่สุดในชีวิตก็จะเอามือมาสูดดม แล้วถูมือไปกับสิ่งต่างๆ จนเลือดไหลท่วมมือ ถามว่า สิ่งที่ทำให้ลิงบาดเจ็บจนเลือดไหลคือ กะปิ หรือความเกลียดกะปิในใจลิงลิงน้อยไม่เคยฝึกตามรู้จิตใจตนเอง มันจึงไม่รู้ว่า ตัวมันนั่นเองที่หยิบกะปิมาดมตลอดเวลา แล้วความเกลียด ความอยากผลักไสของมัน ก็ทำร้ายตัวเองอย่างแสนสาหัส เราอาจจะหัวเราะเยาะว่าลิงโง่ แต่เราทุกคนก็เคยเป็นเหมือนตัวดิฉัน เหมือนเจ้าลิงตัวน้อย ที่หยิบมีดมาแทงตัวเอง กำก้อนหนาม หยิบกะปิมาดม ทำร้ายตัวเองอยู่ทุกขณะโดยไม่รู้ตัวแล้วมนุษย์อย่างเราจะปล่อยให้ตัวเองเป็นเหมือนลิงที่จะหยิบกะปิมาดม กำก้อนหนาม หรือหยิบมีดมาทิ่มแทงตัวเองตลอดเวลา โดยที่ไม่คิดจะช่วยตัวเองบ้างหรือจากหนังสือ เข็มทิศชีวิต

วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

15 วิธีแก้กรรมทำให้รวย

1. ถือศีล 5 การ ถือศีล 5 เป็นประจำจะช่วยเสริมดวงชะตาและจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีงาม การทำดีและไม่เบียดเบียนใครถือเป็นการทำบุญกุศลที่ได้อานิสงส์ เป็นผลให้เกิดความโชคดี และแก้เคราะห์ลดกรรมได้
2. การถือศีล 8 จะช่วยเสริมดวงและแก้เคราะห์ได้เช่นเดียวกับการถือศีล 5 แต่การถือศีล 8 นั้นปฏิบัติได้ยากยิ่ง แต่เมื่อปฏิบัติได้สำเร็จจะได้กุศลแรงนักปฏิบัติแล้วยังช่วยเสริมดวงอำนาจ บารมีได้
3. กินเจ ก็เพื่อลดละชีวิตสัตว์ ซึ่งได้อานิสงส์ผลบุญสูงและควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด ถ้าอธิษฐานไว้ว่า 7 วัน ก็ทำให้ครบ 7 วัน อาจตั้งจิตว่าจะทำทุกวันพระและทุกเดือน หรือปฏิบัติทุกเดือน เดือนละ 3 วัน หรือ 7 วัน เป็นต้น
4. ไหว้พระและถวายดอกไม้ ธูปเทียน รวมทั้งการปิดทองคำเปลวและเครื่องหอม ผลบุญนี้จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง มีความเจริญก้าวหน้า
5. ถวายน้ำมันตะเกียง เพื่อ ความรุ่งโรจน์โชติช่วงของชีวิต เช่นเดียวกับความสว่างของแสงตะเกียง ทำให้พ้นจากความมืดมิดทั้งการดำเนินชีวิต รวมทั้งปัญหาและความคิดที่สว่างไสวไม่อับจนหนทาง
6. ถวายสังฆทาน เป็นการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยถวายสิ่งของจำเป็นแด่พระสงฆ์ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตหมดเคราะห์หมดโศก จะทำสิ่งใดก็ราบรื่นไม่ติดขัด พบแต่ความสำเร็จสมปรารถนา รวมทั้งมีความเป็นอยู่อุดมสมบูรณ์ ไม่ขัดสน
7. ไหว้พระ ไหว้บูชาเทพต่างๆ จะทำให้พบกับความสุข ความเจริญเกิดความสุขใจว่ามีที่พึ่งพิง ยึดเหนี่ยว นำมาซึ่งกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตต่อไปและรู้สึกเสมอว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยคุ้มครองเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
8. ทำบุญปล่อยสัตว์ เป็นการไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น แต่ถือว่าได้บุญแรง จะต้องทำด้วยความตั้งใจจริง เช่น การไปซื้อสัตว์ที่กำลังจะถูกฆ่าไปปล่อย ไถ่ชีวิตวัวควายถวายวัดเพื่อมอบให้ชาวนานำไปใช้ประโยชน์ ซื้อปลาในตลาดที่จะถูกฆ่าไปปล่อยน้ำ ผลบุญนี้ยังผลให้หมดทุกข์ หมดภัย และพบความสุขความเจริญในชีวิต
9. ทำบุญ ให้ทาน เป็น การรู้จักเสียสละตนเองและแบ่งปันให้ผู้อื่น ซึ่งผลบุญจะเกิดขึ้นได้นั้นต้องมีจิตใจยินดีในการทำบุญให้ทานด้วย ไม่ว่าจะเป็นการบำรุงพุทธศาสนา หรือการให้ทานเกื้อกูลคนยากไร้ ล้วนแล้วแต่เป็นบุญส่งเสริมให้ชีวิตมีโชค มีทรัพย์ และมากด้วยบารมี
10. ทำทานแก่คนยากไร้ เป็น การทำบุญที่มาจากจิตใจอันไม่ยึดติดมีความไม่โลภ ผลบุญจึงหนุนนำให้มีแต่ความราบรื่น ยามมีเรื่องติดขัดก็จะมีผู้มาช่วยเหลือค้ำจุน ยามมีเคราะห์ภัยก็จะแคล้วคลาด เพราะแรงอนุโมทนาจิตจากผู้ยากไร้ที่ได้รับสิ่งของจากเรานั่นเอง
11. ทำบุญโลงศพ ซื้อโลงศพบริจาคศพอนาถาไร้ญาติ จะได้อานิสงส์แรงยิ่งนัก การทำบุญเช่นนี้จะช่วยเสริมดวงชะตาให้แข็งแกร่ง สามารถต้านเคราะห์ภัยหนักต่างๆ และผ่อนหนักเป็นเบาได้
12. พิมพ์หนังสือธรรมะแจก จัดพิมพ์เองหรือร่วมบริจาคสมทบทุนการพิมพ์กับผู้อื่นก็ได้ เป็นการเสริมดวงให้มีวาสนาบารมี เพื่อให้ปัญญาสว่าง หมดทุกข์ หมดโศก ไม่มีเคราะห์ร้ายมากล้ำกราย
13. บริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ จะช่วยให้ชีวิตราบรื่น หมดทุกข์ หมดโศก ประสบแต่ความโชคดี
14. ซื้อข้าวสารถวายวัด เลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าตามสถานสงเคราะห์เป็นการสั่งสมบุญกุศล เพื่อให้ชีวิตมั่งคั่ง อุดมสมบูรณ์และเพียบพร้อมด้วยบารมี
15. การตักบาตรร่วมขันกับผู้อื่นหรือทำบุญร่วมกับผู้อื่น ไม่ ว่าจะทำบุญด้วยการบริจาคทรัพย์หรือโดยทางอื่น จะส่งผลให้เนื้อคู่ดูดี ดวงชะตาแข็งแกร่ง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน และจะได้แต่เพื่อนที่ดีในชาตินี้
ขอบคุณ sanook.com

วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

การแซงอย่างมีมารยาท และปลอดภัย

ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องการแซงจะเป็นปัญหาที่เห็นกันเรื่อยๆสำหรับ คนที่ขับรถมาหลายปีแล้ว แทนที่จะเป็นมือใหม่ คงเพราะมือใหม่อาจจะไม่ค่อยอยากแซง และเวลาแซงมักจะหันไปดูแล้วดูอีกเลยไม่ค่อยมีปัญหา แต่คนที่ขับรถมานานคงจะทราบถึง "จุดบอด"
ในการแซงเป็นอย่างดีและคงมีประสบการณ์มาบ้างแล้ว นั่นคือมุมมองช่วงด้านข้างของรถค่อนไปทางข้างหลังเราทั้งซ้ายและขวา เพราะเวลาขับรถถ้ามีรถขับข้างๆเราค่อนไปข้างหลังนิดหน่อย เราจะมองไม่เห็นจากกระจกข้าง เพราะมุมของกระจกจะเลยรถคันนั้นไป และสายตาเราก็มองไม่เห็นเพราะเรามองไปข้างหน้าอยู่ รถที่อยู่ค่อนไปข้างหลังหน่อยก็ไม่อยู่ในรัศมีของสายตาเรา เวลาเราจะแซงหรือเปลี่ยนเลน เราก็จะเบียดเข้าไปในเลนที่คิดว่าโล่งทันที
ถ้ามีรถอยู่ตรงนั้นละก็ ไม่เสียงแตรพร้อมเสียงสวด ก็เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายๆ คนขับเองก็คงตกใจไม่ใช่น้อยว่า มาจากไหน คนที่ถูกปาดก็คงงงว่าเข้ามาได้ยังไง อยุ่ตรงนี้ทั้งคัน
แต่คนที่มีประสบการณ์จะเข้าใจดีว่า คันนั้นไม่เห็น เพราะเป็นจุดบอด
วิธีป้องกันไว้ก่อนง่ายๆ มีดังนี้ ถ้าท่านเป็นคันที่จะแซง
  • ก่อนแซง ควรเหลือบหรือหันไปดูซักแว้บเดียวไม่ว่าซ้าย-ขวา ท่านจะเห็นชัดว่าควรทำยังไงต่อ
  • ถ้าไม่ชอบหัน ลองหากระจกเงานูน เล็กๆที่มีขายกันทั่วไปมาติดกระจกข้าง ลองใช้จนเคยชินก็ช่วยได้ จะได้มุมมองเหมือนกระจกข้างเบนซ์เชียวหละ
  • ตอนแซงหรือเปลี่ยนเลนค่อยๆเปิดไฟเลี้ยวทุกครั้งก่อนหักออก เพื่อความไม่ประมาท ถ้ามีรถอยู่ท่านอาจจะได้ยินเสียงแตรเตือนให้ทราบก่อนว่ามีรถอยู่ และถ้ามีเหตุอะไรจะได้ตั้งตัวทันหักกลับชะลอรถได้ ถ้าท่านเป็นคันที่อยู่ตรงจุดบอดของคันหน้า
  • ควรหลีกเลี่ยงการขับด้วยความเร็วเท่าๆกัน โดยที่ท่านต้องอยู่ตรงนั้นไปนานๆ เร่งแซงไปหรือชะลอรถลงมาให้อยู่ห่างหน่อยดีกว่า
  • ช่วงเร่งแซงสังเกตุคันหน้า ถ้ามีการเริ่มเบียดเข้ามาให้บีบแตรเตือนทันที กันไว้ก่อน
  • พร้อมเบรคทันที ถ้าคันหน้าเบียดเข้ามาเต็มๆ ทำใจว่าเป็นจุดที่เค้ามองไม่เห็นจริงๆ หรือคิดซะว่าทำบุญ ไปแล้วกัน เพราะบางคันก็รู้แต่ ข้าจะรีบไปประมาณนั้น

คณะกรรมการป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ

วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เคล็ดลับ ในมือถือ

ถ้าพูดถึงมือถือ เชื่อว่าทุกคนต้องมีกันแน่ ๆ แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ถึงเคล็ดลับในมือถือ วันนี้เกร็ดความรู้มีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ มาบอกกัน...
หมายเลขสากลฉุกเฉิน 112 ใช้ได้ทั่วโลก
ถ้าเกิดหลงไปอยู่ในเขตที่ไม่มีสัญญาณและเกิดมีเหตุด่วนเหตุร้ายให้ กด 112 แล้วมันจะหาเบอร์ให้อัตโนมัติแม้แต่ล็อคปุ่มก็ยังกดเบอร์นี้ได้ใช้ในกรณีที่ลืมกุญแจไว้ในรถ ?
สำหรับรถที่ใช้ Remote Key ถ้ารถล็อคไปแล้ว แต่ดันมีกุญแจสำรองอยู่ที่บ้าน ให้โทรไปหาคนที่อยู่ที่บ้านด้วยมือถือ (ต้องโทรไปหาเบอร์มือถือของเขาด้วย)
เมื่อเขารับแล้วให้บอกเขา ให้กดปุ่ม unlock บนกุญแจสำรอง
แต่ในขณะนั้นควรนำมือถือให้ห่างจากประตูรถประมาณ 1 ฟุต (ส่วนคนที่อยู่บ้านต้องนำกุญแจมาจ่อใกล้กับมือถือของเขาในขณะที่กดปุ่มด้วย)
ประตูรถก็จะเปิดออกเหมือนกดปุ่มรีโมท
ส่วนเรื่องระยะทางไม่มีปัญหา แม้รถกับบ้านจะอยู่ห่างกันเป็นร้อย ๆ กม.
ก็ตามกรณีแบตใกล้จะหมด กด *3370# สำหรับมือถือ Nokia ถ้าเกิดแบตเหลือน้อยเต็มทีจนใกล้ดับ แต่จำเป็นต้องโทรออกให้กด *3370# มันจะรีดพลังสำรองที่ซ่อนออกมา
แล้วแสดงให้เห็นว่า เพิ่มพลังแบตให้ขึ้นมาอีก 50% และมันจะชดเชยส่วนสำรองนี้ในการชาร์จแบตครั้งต่อไปถ้าโทรศัพท์หายต้องการทำให้ใช้ไม่ได้ตลอดไป ในกรณีนี้ต้องใช้ หมายเลข serial number ประจำเครื่อง ซึ่งมี 15-17 หน่วย
การที่จะทราบหมายเลขนี้ก็ไม่ยาก กด *#06# แล้วหมายเลขประจำเครื่องก็จะขึ้นมาให้เห็นทันทีเหมือนเล่นกล จดไว้แล้วเก็บไว้ให้ดี...
ที่นี้ถ้ามือถือหายหรือตกหล่นให้โทรไปที่ศูนย์แล้วแจ้งหมายเลขให้เขาไปเขาก็จะบล็อกเครื่องของเราให้ แล้วทีนี้มือถือที่หายไปจะใช้ไม่ได้อีกเลย ถึงแม้ว่าคนขโมยไปจะเปลี่ยน sim card มันก็จะยังใช้ไม่ได้อยู่ดีรู้อย่างนี้แล้วก็อย่าลืมจำและนำไปใช้กันได้ที่มา เดลินิวส์

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

เกร็ดน่ารู้ เพื่อยืดอายุการใช้งานแอร์รถยนต์

1. ตรวจเช็คระบบปรับอากาศรถยนต์ของคุณทุกๆ 3-6 เดือนจากร้านหรือศูนย์บริการที่ได้มาตรฐาน




2. ควรหมั่นสังเกตระบบแอร์รถยนต์ของคุณด้วยตนเอง หากแอร์ในรถของคุณความเย็นเริ่มลดลง ให้สันนิษฐานว่า อาจมีการรั่วของน้ำยาแอร์ หรือท่อต่างๆในระบบอุดตัน ให้รีบนำรถของคุณเข้าตรวจเช็คโดยด่วน







3. ต้องแน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบปรับอากาศระบบ R-12 หรือระบบ R-134a กันแน่ เพื่อป้องกันการผสมกันของน้ำยาแอร์






4. อย่าผสมน้ำยาแอร์ระบบ R-12 และ R-134a เข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้ระบบแอร์รถยนต์ของคุณเสียหายได้






5. น้ำมันคอมเพรสเซอร์ของระบบ R-12 และ R-134a ไม่สามารถใช้แทนกันได้





6. หากคุณไม่แน่ใจว่ารถยนต์ของคุณใช้ระบบ R-12 หรือ R-134a ให้เปิดตรวจเช็คจากห้องเครื่องที่กระโปรงรถของคุณ โดยดูที่หัวเติมน้ำยาแอร์ ถ้าเป็นระบบ R-12 หัวเติมจะเป็นแบบเกลียว แต่ถ้าเป็นระบ R-134a หัวเติมจะเป็นแบบตัวล๊อค





7. จำไว้ว่ารถยนต์ที่ผลิตก่อนปี พ.ศ.2538 ใช้กับแอร์ระบบ R-12 เท่านั้น ส่วนรถยนต์ที่ผลิตหลังปี พ.ศ.2538 เป็นต้นไปจะใช้ระบบแอร์ R-134a (ยกเว้นรถกระบะต้องผลิตหลังปี พ.ศ.2539)






8. การรั่วซึมในระบบแอร์รถยนต์ อาจเกิดจากการหมดอายุการใช้งานของอะไหล่ได้





9. หากคุณต้องเติมน้ำยาแอร์บ่อยติดๆกันในเวลา 3 เดือน อาจเกิดการรั่วในระบบแอร์ของคุณเข้าแล้ว






10. ระมัดระวังอย่าใช้น้ำยาแอร์ที่ติดไฟได้




11. การถ่ายเทอากาศ การสูบบุหรี่ในรถ ขณะเปิดแอร์ จะทำให้อากาศภายในรถไม่บริสุทธิ์ จึงควรเปิดช่องระบายอากาศเพื่อไล่ควันบุหรี่ออกไป และเมื่อใช้แอร์เป็นระยะเวลานานๆ การเปิดช่องระบายอากาศเป็นระยะ จะทำให้อากาศบริสุทธิ์ขึ้น






12. เมื่อไม่ได้ใช้รถเป็นเวลานานหลายวันควรติดเครื่องยนต์แล้วเปิดแอร์ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อป้องกันการรั่วซึมของน้ำยาแอร์ที่ซีลคอมเพรสเซอร์





13. ควรจอดรถยนต์ในที่ร่ม การจอกรถกลางแดดนาน จพทำให้ภายในรถร้อนอบอ้าว ต้องใช้เวลานานกว่าจะเย็นลงได้ ในกรณีนี้ควรเปิดประตูหรือกระจกไว้สักครู่ ก่อนจะขับรถออกจากที่จอดรถ






14. ควรปิดช่องระบายอากาศและกระจกให้มิดชิด ขณะใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อป้องกันมิให้ลมร้อนภายนอกไหลเข้ามาภายในตัวรถ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ความเย็นลดลงได้





15. ในการขับรถขึ้นเขา เครื่องยนต์ต้องทำงานหนักขึ้น ควรปิดเครื่องปรับอากาศเป็นครั้งคราว เพื่อลดภาระของเครื่องยนต์และป้องกันเครื่องยนต์ร้อนเร็วขึ้นด้วย





16. ควรทำความสะอาดแผงระบายความร้อนที่อยู่หน้าหม้อน้ำ โดยใช้ลมเป่าหรือใช้น้ำฉีดแล้วใช้แปรงขนอ่อนๆ แปรงสิ่งสกปรกที่อยู่ตามครีบออกให้สะอาด เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยยึดอายุการใ้งานแอร์รถยนต์ของท่านให้ยาวนาน และยังทำให้แอร์เย็นขึ้นอีกด้วย เอกสารเผยแพร่ หน่วยอนุรักษ์โอโซน สำนักงานควบคุมวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม

วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

6 วิธีช่วยวัยรุ่นเก็บเงิน

วิธีแรก เปิดบัญชีธนาคารให้เหมาะสม วิธีนี้จัดให้สำหรับน้อง ๆ เด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ หรือต้องไปเรียนในจังหวัดที่ไม่ใช่บ้านเกิดของตัวเอง
ทุกเดือนน้อง ๆ จะต้องขอเงินเดือนจากพ่อแม่ พ่อแม่ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเข้าบัญชีให้เพราะสะดวกดี เลยแนะนำให้เปิดบัญชี ATMสาขาในกรุงเทพฯ หรือในจังหวัดที่เรียนอยู่ เพราะการกดเงินข้ามเขตจะต้องเสียค่าธรรมเนียม และควรกด ATM จากธนาคารเจ้าของบัญชี เห็นว่าตอนนี้กดข้ามธนาคารก็เสียค่าธรรมเนียมเหมือนกัน ยิ่งกดมากยิ่งเสียเงินเยอะ
วิธีที่สอง ทำบัญชีรายรับรายจ่าย อย่างที่บอกแล้วว่าน้อง ๆ มักจะถามตัวเองเสมอว่าเงินของเราหายไปไหนหว่า....
วิธีแก้ก็คือเราต้องทำบัญชีรายรับรายจ่าย ไม่ว่าจะจ่ายเงินค่าหนังสือ ค่าสบู่ ยาสีฟัน ซื้อของอะไรก็แล้วแต่ ควรจะเก็บบิลไว้และจดบันทึกประจำวันว่าใช้จ่ายอะไรไปบ้าง เราจะได้รู้ว่าใช้เงินเกินเงินเดือนที่คุณพ่อคุณแม่ให้มาหรือเปล่า อ้อ...แล้วอย่าลืมเอาสมุดบัญชีธนาคารไปอัพเดทบ่อย ๆ ด้วย เราจะได้รู้ความเคลื่อนไหวของยอดเงินแต่ละเดือน
วิธีที่สาม อยู่ห่างจากเพื่อนไฮโซเข้าไว้ วิธีนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ให้คบเพื่อนไฮโซหรือปฏิเสธสังคมแต่ประการใด แต่อยากให้เลือกกลุ่มเพื่อนที่จะไปกินข้าว ไปช้อปปิ้งซักหน่อย เพราะถ้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ใช้เงินมือเติบ ตกเย็นต้องไปสังสรรค์กินโน่นนี่นั่นทุกวี่วัน เงินเดือนแม่ให้มาเท่าไหร่ก็คงไม่พอ
วิธีที่สี่ เลือกโปรโมชั่นโทรฯมือถือให้เหมาะสม ว่ากันว่าค่าใช้จ่ายที่มากที่สุดของ วัยรุ่นก็คือค่าโทรศัพท์มือถือ วัยรุ่นหลายคนถือคติ “ไม่มีกินไม่ว่า ขอข้ามีเงินจ่ายค่าโทรฯ มือถือ” แต่ไม่รู้จักใช้ให้เหมาะสม เลือกโปรโมชั่นให้พอดีกับการโทรฯในแต่ละเดือน และโทรฯเท่าที่จำเป็น ส่วนใครที่ชอบเมาท์ติดพันก็ลองใช้วิธีแลกเหรียญมากองไว้เยอะ ๆ และจ้องไปที่นาฬิกา ทุก 1 นาทีที่ผ่านไปกับโทรศัพท์ก็หยิบเงิน 3 บาทออกมากองไว้ตรงหน้า เลิกโทรฯเมื่อไหร่ก็ลองนับเงินที่เสียไปดู แบบนี้เราจะลดเวลาโทรฯมือถือลงโดยอัตโนมัติ
วิธีที่ห้า ใช้บัตรนักเรียนนักศึกษาให้มีค่าที่สุด ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ค่าผ่านประตูเวลาไปไหนมาไหน ถ้าเค้ามีโปรโมชั่นสำหรับนักเรียน เราต้องใช้บัตรประจำตัวให้เกิดประโยชน์ อย่ามองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เพราะถ้าหลาย ๆ ครั้งเข้าก็รวมเป็นเงินโขอยู่
วิธีสุดท้าย ออมเงินเป็นรายเดือน เราจะต้องกันเงินส่วนหนึ่งจะ 5, 10, 15, หรือ 20% จากเงินเดือนที่แม่ให้มาก็แล้วแต่ความสามารถของแต่ละคน เข้าบัญชีฝากประจำไว้เลย และสำคัญต้องทำทุกเดือน ครบปีเราจะภูมิอกภูมิใจกับยอดเงินที่เพิ่มขึ้น วิธีเด็ด ๆ ช่วยเก็บเงิน จะเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งก็ได้ หรือจะผสมกันหลายวิธีก็ดี แต่ถ้าเหมาหมดทุกวิธีก็เยี่ยม คราวนี้แหละ.....เราจะมีเงินเก็บ เป็นเถ้าแก่น้อยคอซองขาสั้นทั้งที่ยังเรียนอยู่เลย..!!.ขอขอบคุณเนื้อหาดีดี โดย: อักษรดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

22 เคล็ด(ไม่)ลับ เก็บเงินได้มากขึ้น

1. ส่วนหนึ่งของเงินเดือนที่ได้รับ จะมากจะน้อยให้นำไปฝากเข้าบัญชีธนาคารทุกๆ เดือน แล้วอย่าไปยุ่งกับบัญชีนั้นเด็ดขาด ถ้าจำเป็นต้องถอนเงินส่วนนี้ ให้ถือว่ากำลังกู้เงิน เวลาคืนต้องคืนทั้งต้นทั้งดอก

2. เก็บเหรียญทั้งหลายลงกระปุก เปิดอีกบัญชีสำหรับเงินหยอดกระปุก อย่าดูถูกการสะสมเงินเล็กเงินน้อย จากก้อนเล็กๆ เติบโตกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ในอนาคตได้เชียวนะ
3. เก็บเงินคืนที่ได้รับจากเรื่องต่างๆ เข้าบัญชีธนาคาร เช่น เงินคืนตามโปรโมชั่นการซื้อสินค้า เงินคืนเบี้ยประกัน รายได้เบี้ยใบ้รายทางต่างๆ ให้รวมเป็นบัญชีเดียว แล้วทำบัญชีไว้ คุณจะได้รู้ว่า ณ สิ้นปีรายรับที่ได้จากเงินคืนพวกนี้มันมากขนาดไหน รายรับพวกนี้เป็นรายรับไม่ต้องเสียภาษี น่าเสียดายที่จะใช้ทิ้งๆ ขว้างๆ
4. จ่ายเงินค่างวดผ่อนสิ่งของต่างๆ ที่ผ่อนหมดแล้ว เข้าบัญชีตัวเองด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม วิธีนี้คุณไม่ต้องเดือดร้อน เพราะคุณเคยชินกับภาระการผ่อนนั้นๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้ภายใต้เงื่อนไขว่าคุณไม่มีภาระผ่อนอะไรใหม่ๆ เข้ามาอีกนะ
5. หยุดนิสัยฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ตัดทิ้งให้หมด ทำรายการขึ้นมาว่าต้องใช้จ่ายอะไรบ้าง หลายคนแปลกใจว่ายิ่งคิดยิ่งตัดได้เรื่อยๆ
6. เพิ่มผลตอบแทนการลงทุน ไม่ควรยอมรับผลตอบแทนดอกเบี้ยต่ำ เงินออมที่มีอยู่ควรไปสร้างเงินต่อด้วยการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างสมดุลในการรับความเสี่ยงด้วย
7. เป็นสมาชิกสหกรณ์ เป็นวิธีง่ายสุดของการออมเงิน พร้อมทั้งเป็นแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำอีกต่างหาก
8. ซื้อพันธบัตรรัฐบาล สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการออกพันธบัตรประเภทต่างๆ ให้ผู้สนใจ ถ้าสนใจเข้าไปดูที่ http://www.bot.or.th การจำหน่ายพันธบัตรให้กับประชาชน สิ่งที่ต้องดูคือประเภทพันธบัตร อัตราดอกเบี้ย และวันจ่ายดอกเบี้ย
9. ใช้ประโยชน์จากการโอนเงินบัญชีธนาคาร เมื่อเงินเดือนถูกนำฝากเข้าในบัญชีของคุณแล้ว คุณควรให้มันอยู่ในบัญชีธนาคารให้นานที่สุด (ฮา)
10. เข้าร่วมแผนออมเงินของบริษัท แผนการออมของบริษัทเป็นแผนออมเงินแบบปลอดภาษี และนายจ้างช่วยจ่ายสมทบ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับลูกจ้าง
11. ใช้การเสียภาษีให้เป็นประโยชน์ เรียนรู้เรื่องภาษี ประโยชน์ที่คุณไม่ควรเสียและประโยชน์ที่คุณควรได้ (เรื่องลดหย่อนนั่นเอง)
12. เข้าโครงการออมเงินที่น่าสนใจ เปิดหูเปิดตาให้กว้าง อาจมีโปรแกรมออมที่นึกไม่ถึง
13. ส้มหล่น อย่าเพิ่งกินหมดในคราวเดียว เงินก้อนใหญ่ไม่มาบ่อยครั้ง เช่น มรดก รางวัลเกมโชว์ ลอตเตอรี่ เงินปันผลกองทุน ฯลฯ เงินก้อนนี้ควรนำไปใช้ในการออมหรือลงทุนเพื่อการเกษียณอายุ ทั้งนี้ อย่าลืมปรึกษามืออาชีพด้านภาษีด้วย
14. รัดเข็ดขัดชั่วคราว อยากได้อะไรมากๆ ลองรัดเข็มขัดในช่วงเวลาหนึ่งๆ เพื่อออมเงินให้มากกว่าปกติ เก็บเงินได้เท่าราคาของ แล้วจึงค่อยกลับสู่การดำเนินชีวิตปกติ
15. ฝากเงินเข้าบัญชีส่วนบุคคล เพื่อการเกษียณอายุสัปดาห์ละครั้ง ในต่างประเทศนิยมมาก มีการทำบัญชีฝากสะสมเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายก้อนใหญ่เพียงครั้งเดียว สำหรับเมืองไทยมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่งนายจ้างจ่ายสมทบให้
16. ให้นำเงินเดือนส่วนที่เพิ่มไปฝาก ถ้ารับเงินเป็นรายสัปดาห์หรือราย 2 สัปดาห์ อาจเป็นได้ว่าบางเดือนคุณจะได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ เช่น ถ้าได้รับเงินเป็นรายสัปดาห์ จะมี 4 เดือนที่ได้รับเงินมากครั้งกว่าปกติ หรือถ้าได้รับเงินเป็นราย 2 สัปดาห์ จะมี 3 เดือนที่คุณได้เงินเดือน 3 ครั้ง ครั้งที่เกินมาให้นำไปเข้าบัญชีเงินออม (ทันที)
17. เก็บเงินเบิกรายการต่างๆ ส่วนที่เกินจากรายจ่ายจริงเข้าบัญชีเงินออม ค่าเดินทางหรือรายจ่ายอื่นที่เบิกบริษัทได้ ควรเก็บส่วนเกินจากรายจ่ายจริงไว้ หรือคุณอาจได้ค่าล่วงเวลา ควรเก็บเงินส่วนนี้มาออมเช่นกัน เช่น ได้ค่าล่วงเวลาเดือนละ 2,000 บาท ถึงสิ้นปีจะมีเงินก้อน 2.4 หมื่นบาท สามารถนำมาใช้จ่ายในกรณีพิเศษโดยไม่ต้องไปถอนเงินออมหลัก
18. ยืมมาออม บางคนประสบความสำเร็จในการกู้เงินธนาคาร แล้วนำกลับไปฝากในบัญชีเงินออมของตนเองอีกทีหนึ่ง วิธีนี้ใช้ได้ผลกับคนที่กำลังมีค่าหักลดหย่อน (เช่น กู้ซื้อบ้าน) และใช้ได้กับช่วงเวลาที่ดอกฝากมากกว่าดอกกู้ (หลังภาษี) เท่านั้น ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องพูดถึง
19. นำเงินปันผลและดอกเบี้ยไปต่อเงินโดยอัตโนมัติ เมื่อลงทุนหรือฝากเงินในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใด จัดการให้เงินปันผลหรือดอกเบี้ยสามารถนำฝากหรือลงทุนต่อได้อัตโนมัติ ในระยะยาวจะเห็นผลน่าพอใจ
20. ทิ้งเงินไว้ในบัญชีกระแสรายวันให้น้อยที่สุด มีคนจำนวนมากทิ้งเงินไว้ในกระแสรายวัน (เพราะปลอดดอกเบี้ย) แต่หารู้ไม่ว่ากำลังพลาดโอกาสในการทำเงิน ที่ควรก็คือมีเงินในกระแสรายวันให้พอกับรายจ่ายรายเดือน หากเงินเหลือให้โอนไปยังบัญชีเงินฝากที่มีดอกเบี้ยหรือโอนไปลงทุนในผลิตภัณฑ์การเงินที่มีดอกเบี้ยดีสุดในเวลานั้น
21. ใช้ประโยชน์จาก Float ความหมายของ Float คือระยะช่วงที่ผู้ถือเช็คได้รับเช็คไปจนกระทั่งถึงตอนที่ได้รับเงินสั่งจ่ายตามเช็ค กล่าวคือช่วงที่ยังไม่ได้ถูกตัดบัญชีก็ควรแช่เงินไว้ในบัญชีเงินฝากให้นานเท่าที่จะนานได้ ก่อนจะโอนไปเข้าบัญชีกระแสรายวันเพื่อตัดจ่ายเช็ค
22. จ่ายหนี้ให้หมด คุณอยากได้ผลตอบแทน 17-21% หรือเปล่า? อย่ามีหนี้บัตรเครดิตสิ เคลียร์หนี้บัตรให้หมด รู้มั้ยว่าถ้ายอดหนี้อยู่ที่ 2.4 หมื่นบาท ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทั้งปีอยู่ที่ 4,000-5,200 บาท รีบเคลียร์หนี้ให้หมด ผลตอบแทนที่คุณจะได้คือไม่ต้องเสียดอกเบี้ยก้อนนี้ การปลอดหนี้บัตรจึงเป็นวิธีออมเงินก้อนใหญ่ แต่ถ้าจำเป็นต้องมีหนี้ (จริงๆ) หาบัตรที่ดอกถูกสุดมาใช้