วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2552

♥♥..พระราชดำรัช...♥♥

“...คนเราถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่า ทำอะไรต้องพอเพียงหมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุขพอเพียงนี้ อาจจะมีมาก อาจจะมีของหรูหราก็ได้ แต่ว่าต้องไม่ไปเบียดเบียนคนอื่นต้องให้พอประมาณตามอัตภาพ พูดจาก็พอเพียง ทำอะไรก็พอเพียงปฏิบัติ ตนก็พอเพียง...”
พระราชดำรัชพระราชทานแก่คณะบุคคลต่าง ๆ ที่เข้าเฝ้าณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา ฯ พระราชวังดุสิตวันศุกร์ที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๔๑

วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2552

หัวหอมใหญ่...เสียน้ำตา ???

เชื่อว่าหลายท่านคงมีประสบการณ์กับการเสียน้ำตาจากการหั่นหัวหอมใหญ่ หลายคนถึงกับเข็ดขยาดไม่หั่นอีกเลย แต่ขอบอกว่าหัวหอมเป็นยาขนานเอก สามารถรักษาทั้งโรคหวัด โรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคกระดูก และอื่นๆ อีกหลายโรค อย่างว่าล่ะ เป็นสัจธรรมของชีวิตว่าของดีมีค่า มักมาคู่กับความลำบาก.. เอาล่ะ..ในฐานะนักวิทยาศาสตร์การอาหารอย่างพวกเรา..ควรจะทราบกันหน่อยว่า มันเกิดอะไรขึ้นเวลาที่เราหั่นหัวหอม ถึงทำให้ร้องไห้ได้..แล้วทำอย่างไรถึงจะเสียน้ำตาน้อยที่สุดจากการหั่นหัวหอม
หัวหอมก็เหมือนพืชทั่วๆ ไป คือประกอบไปด้วยหน่วยย่อย คือ เซลล์ เซลล์หนึ่งๆ ของหัวหอมก็จะประกอบไปด้วยสารต่างๆ มากมาย แต่ที่เป็นดาวเด่นต้นเหตุการณ์ของการเสียน้ำตา คือ เอนไซม์ allinase และ กรดอะมิโน sulfoxide ปกติแล้วสารเหล่านี้จะอยู่แยกกัน แต่เมื่อเราหั่นหัวหอม เซลล์ถูกทำลาย สารสองตัวนี้มาเจอกัน เกิดปฏิกิริยาสร้างกรดชนิดหนี่ง ชื่อว่า sulfenic acid ซึ่งกรดตัวนี้สามารถสลายตัวให้สารระเหย propanethiol S-oxide ได้ทันที และเมื่อสารนี้ระเหยมาเจอกับน้ำที่ต่อม lachrymal ของตาเรา สารนี้กลายสภาพเป็นกรดซัลฟิวริกอ่อน ทำให้ตาระคายเคือง ผลิตน้ำออกมาเพื่อเจือจางกรดนี้ กลายเป็น “น้ำตา” นั่นเอง และนี่ก้อคือที่มาของการเสียน้ำตาเมื่อเราหั่นหัวหอม น่าสนใจดีน่ะค่ะทีนี้ มาดูกันว่า ทำยังงัยถึงจะลดปัญหานี้ได้ วิธีง่ายสุดให้สวมแว่นตาว่ายน้ำ แต่ลองนึกภาพดู ว่าจะฮาแค่ไหน ถ้าเราต้องใส่แว่นตาว่ายน้ำทำครัว วิธีนี้ขอข้ามไปล่ะกัน ส่วนวิธีอื่นๆ ที่เหมือนจะได้ผล ได้แก่ ใส่หัวหอมในช่องแช่แข็งก่อนหั่น ต้มหัวหอมก่อนหั่น ฉีดน้ำส้มสายชูลงบนเขียวก่อนหั่น หรือแม้แต่ให้หั่นหัวหอมในน้ำที่ไหลอยู่
วิธีเหล่านี้ก็ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน นั่นคือ ทำลายเอนไซม์เพื่อไม่ให้สามารถทำปฏิกิริยากับสารซัลเฟอร์ได้ ส่วนจะเลือกใช้วิธีไหน ก็ต้องขึ้นกับความถนัดและไม่กระทบรสชาติของอาหารที่จะทำค่ะนอกจากนี้ สถาบันวิจัยพืชและอาหารในนิวซีแลนด์ใช้เทคโนโลยียีนไซเลนซิ่ง (Gene-silencing Technology) และหวังว่าจะสามารถสร้างหัวหอมใหญ่ต้นแบบและทำตลาดได้ภายในเวลา 10 ปี “โครงการนี้เริ่มต้นเมื่อปี 2002 หลังจากนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นค้นพบยีนในหอมใหญ่ที่เป็นเหตุให้เกิดการผลิตน้ำตา ในตอนแรกนั้น เราเข้าใจว่าน้ำตาผลิตออกมาโดยธรรมชาติเมื่อเราหั่นหัวหอม แต่นักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่นได้พิสูจน์แล้วว่าการไหลของน้ำตานั้น เป็นเพราะเอนไซม์ในหอมใหญ่” โคลิน เอดี้ (Colin Eady)
นักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบันวิจัยกล่าว "นักวิทยาศาสตร์ใส่ดีเอ็นเอเข้าไปในหัวหอมใหญ่ เพื่อยังยั้งการแสดงออกของยีนที่ทำให้เกิดน้ำตาในหอมใหญ่ และเมื่อหอมใหญ่ไม่สามารถผลิตเอนไซม์นั้น น้ำตาก็จะไม่ไหลเวลาที่เราหั่นหัวหอม" เอดี้กล่าวว่า การหยุดยั้งสารประกอบซัลเฟอร์ไม่ให้เปลี่ยนเป็นสารที่ทำให้เกิดน้ำตา แต่เปลี่ยนให้เป็นสารประกอบที่มีผลต่อกลิ่นและสุขภาพแทน อาจช่วยปรับปรุงรสชาติของหัวหอมเราหวังว่าสิ่งที่เราทำอยู่นี้จะทำให้คุณลักษณะด้านโภชนาการและรสชาติของหอมใหญ่ดีขึ้น
และหวังว่าเราจะได้หัวหอมที่สวย มีกลิ่นหอม โดยที่ไม่มีรสขม ฉุน และไม่ทำให้น้ำตาไหล” หลังจาการประชุมนานาชาติที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ และหลังจากวารสารการค้า Onion World กล่าวถึงผลงานของเอดี้ เค้าก็ได้รับความสนใจจากทั่วโลกโครงการนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นโครงการที่กำหนดโดยผู้บริโภค และทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่าเทคโนโลยีชีวภาพเป็นเรื่องที่ดี ประชากรโลกเพิ่มมากขึ้น ต้องการอาหารมากขึ้น
ในขณะที่สภาพอากาศเกิดการเปลี่ยนแปลง และยังมีความเสี่ยงอื่นๆที่อาจเกิดอีก ทำให้ทรัพยากรที่มีอยู่ค่อยๆลดลง เทคโนโลยียีนไซเลนซิ่งสามารถใช้สู้กับไวรัสก่อโรค และเทคโนโลยีชีวภาพก็ช่วยให้เราผลิตอาหารได้มากขึ้น แต่ที่ผมสนใจมากกว่าก็คือ การสร้างผลผลิตให้ได้อย่างเพียงพอ และต้องเป็นการปลูกที่มีประสิทธิภาพ"

วันพุธที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2552

ประวัติโปสการ์ด

ประวัติส่วนตัวภูมิลำเนาเดิม ประเทศออสเตรเลียวันเดือนปีเกิด ไม่ได้ไปแจ้งเกิดจึงไม่ทราบวันเดือนที่เกิด ทราบแต่ปี ค.ศ. 1869 (2412)รูปร่างแรกเกิด กระดาษเปล่ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าพัฒนากา
เริ่มมีเสื้อผ้าใส่แลดูสวยงามขึ้น มีภาพประกอบผู้อุปถัมภ์ ประเทศอังกฤษออก พรบ.การไปรษณีย์ พ.ศ. 2445 อนุญาตให้เขียนข้อความลงบนด้านที่ใช้จ่าหน้าได้ ด้านหนึ่งเป็นภาพสวยงาม ด้านหนึ่งมีข้อความและชื่อที่อยู่ผู้รับยุคทองของโปสการ์ด (The golden age)
ค.ศ. 1902-1918 มีลักษณะที่แตกต่างจากยุคทั่วไป เจ้าของผู้พิมพ์ขายเป็นชุดเพื่อสะดวกแก่การสะสมและผลกำไรแก่ผู้ซื้อและผู้ขาย ขายได้ทีละหลายๆ ใบ ซื้อได้ครั้งละหลายๆ ใบรูปร่างที่นิยม (ภาพฮิต) ภาพบุคคลสำคัญ นักกีฬา นักการเมือง นักแสดงและบาทหลวง ภาพสถานที่ต่างๆ สถานีรถไฟ ทิวทัศน์ เมือง และหมู่บ้านในชนบท ภาพการ์ตูนล้อเลียนประเด็นร้อนในสังคมประวัติส่วนตัวคุณ
โปสการ์ด ณ สยามประเทศถือกำเนิดขึ้น ปลายรัชกาลที่ 5ผู้ทำคลอด Robert Lenz ชาวเยอรมัน หัวดีจึงพิมพ์โปสการ์ดออกมาขายผู้ดูแลท่านต่อมา J.Antonio ชาวอิตาเลียน ถ่ายภาพบางกอกและหัวเมืองต่างๆ ได้เยอะมาก หัวใสจึงทำเป็นโปสการ์ดออกมาขายบ้างการเปลี่ยนแปลง
สมัยรัชกาลที่ 6 ชาวญี่ปุ่นไม่ทราบชื่อพิมพ์ออกมาขาย เริ่มเป็นชาวเอเชียบ้างแล้วที่มีหัวการค้า สมัยรัชกาลที่ 7 ชาวไทยไม่ทราบชื่อพิมพ์ออกมาขาย (กับเขาบ้าง)ที่อยู่ปัจจุบัน อยู่ทั่วทุกมุมโลกสถานภาพปัจจุบัน มีค่า มีราคา และแจกฟรี และหลังจากที่ได้ไปลองค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติมพบว่าจริงๆ แล้วไปรษณียบัตรใบแรกที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องก็คือจากรัฐบาลของประเทศฮังการี ส่วนโปสการ์ดที่ซื้อขายกันนั้นครั้งแรกที่ประเทศอังกฤษ
และที่ประเทศเยอรมันปรากฏโปสการ์ดแผ่นแรกคือในปี 1874 ส่วนภาพของโปสการ์ดแผ่นแรกที่พิมพ์สี่สีคือภาพหอไอเฟลในปี 1889
ถ้าสนใจลองอ่านเพิ่มเติมได้ที่ http://www.emotionscards.com/museum/historyofpostcards.htm ค่ะมีข้อมูลเกี่ยวกับยุคต่างๆ ของโปสการ์ดค่อนข้างละเอียดเอาไว้ถ้าพอมีเวลา จะอ่านและเรียบเรียงมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสต่อไปแล้วกันค่ะ

วิธีปิดบัญชี ธนาคาร...

วิธีปิดบัญชี ธนาคาร...
ที่มาบอกเนี่ยเพราะเป็นวิธีที่ธนาคารปกปิดมาตลอด เคยมีหนังสือพิมพ์ออกมาขายแต่ธนาคารสั่งเก็บหมด โปรด..อ่าน..ช้า ช้า....... หากคิดต้องการถอนเงิน โดยจะไม่ใช้บัญชีนี้อีกต่อไปแล้ว......ห้ามเบิกเงินแค่ที่มีในบัญชี ให้ใช้วิธี.... ไม่กรอกตัวเลข ... แต่..เขียน.. ปิดบัญชี เพียงเท่านี้..ธนาคารต้องจ่ายดอกเบี้ยคุณ 6 เดือน วิธีนี้..เป็นวิธีที่ธนาคารไม่พยายามบอกคนฝากเงิน เพราะธนาคารมันเสียเปรียบ... แต่ต้องเป็นกรณีที่เป็นบัญชีออมทรัพย์นะ
ถ้าเป็นบัญชี ฝากประจำเราจะไม่ได้ดอก เพราะถือว่าฝากไม่ครบตามกำหนด แต่ถ้าบัญชีเงินฝากแบบออมทรัพย์ หรือที่เรียกว่า savings (สะสมทรัพย์) ธนาคาร จะคิดดอกให้ทุวันตามยอดเงินที่มี...เข้าๆออก ครบ6 เดือนทีหนึ่งก็จะมีดอกเข้ามาให้ ดังนั้นถ้าใครปิดบัญชี เข าก็ต้องคิดดอกมาให้ด้วย ส่วนมากประชาชนจะไม่รู้ ก็จะถอนแค่จำนวนเงินที่มีในบัญชี แล้วก็ทิ้งสมุดไว้..ตรงนี้แหละที่ธนาคารได้กำไร เพราะสมุดนั้นพอทิ้งไว้นานเกินก็จะปิดไปเอง และเดี๋ยวนี้ธนาคารส่วนมากจะกำหนดให้ บัญชีต้องมีเงินเหลือติดอยู่ อย่างน้อยๆ 500 บาท หากขาดการเคลื่อนไหวนานเกิน 3-6 เดือน ก็จะเริ่มหักค่ารักษาบัญชี รายละประมาณ 50 บาทหรือไงเนี่ยแหละ ที่บอกนี่เป็นผลประโยชน์ของผู้บริโภคน่ะ แต่ส่วนมากมักจะไม่ชอบไปธนาคาร ถอนทางเอทีเอ็ม แล้วก็คิดว่าที่เหลือแค่เศษสตางค์ช่างมัน.. พอเราขาดการติดต่อธนาคาร เขาก็หักค่ารักษาบัญชี เงินไม่พอเขาก็ปิด บช เองตามกฎ เมื่อรู้วิธีแล้ว...ช่วยกันเผยแพร่นะไม่งั้นแล้ว คุณนั่นแหละ ที่เห็นแก่ตัว

กลโกงบัตรเครดิตโดยใช้บัตรหมดอายุ

กลโกงที่ 1 เพื่อนคนหนึ่ง ไปใช้บริการ Fitness เขาเอากระเป๋าเสื้อผ้า รวมทั้งกระเป๋าเงินใส่ไว้ในล็อกเกอร์ เมื่อออกกำลังการเสร็จ กลับมาที่ล็อกเกอร์ ก็พบว่า ล็อกเกอร์เปิดอยู่ เขาคิดว่า ' เอ ก่อนออกไปก็ดู ว่าปิดดีแล้วนี่หน่า ' เพื่อนรีบใส่เสื้อผ้าแล้วรีบเช็คดูของในกระเป๋าเงิน เงินก็อยู่ครบ บัตรเครดิตมีกี่ใบก็อยู่ครบ เพื่อนก็ไม่คิดอะไรมาก คิดว่าคงลืมปิดล็อกเกอร์เองจริงๆ ถ้ามีคนมางัดมันคงเอาเงินเอาบัตรไปแล้ว หลายอาทิตย์ต่อมา เมื่อ Statement บัตรเครดิตมาถึง ปรากฎยอดใช้จ่าย แสนสี่เท่านั้นเอง หา แสนสี่ !!! เพื่อนรีบโทรหาแบงก์ทันทีแล้วก็โวยวายทันที่ว่า เกิดมาไม่เคยคิดฝันจะใช้จ่ายได้ขนาดนั้น ทางแบงก์ก็เช็คดูก็เห็นว่า System ไม่มีอะไรผิด มียอดใช้จ่ายเข้ามาจริงๆ แล้วก็บอกให้เพื่อนเช็คดูว่าบัตรโดนขโมยหรือเปล่า เพื่อนก็บอกสวนไปเลยว่า เปล่า บัตรยังอยู่เลย ว่าแล้วก็เปิดกระเป๋าควักบัตรมาดู นั่นเลย บัตรที่บอกว่าอยู่มันบัตรคนอื่นนี่หว่า บัตรแบงก์เดียวกันเลย หน้าตาเหมือนกันเลย แต่มันเป็นของคนอื่น แล้วก็หมดอายุแล้วด้วย ไอ้ขโมยมันเปิดล็อกเกอร์ แล้วก็เอาบัตรหมดอายุมาไว้แทน แล้วก็เอาบัตรของเพื่อนไปใช้ และในเมื่อเพื่อนก็ไม่ได้แจ้งอายัติบัตรกับทางแบงก์ แบงก์ก็ไม่บันทึกเข้าไปในระบบบัตรหาย เวลาขโมยไปรูดที่ไหน เดี๋ยวนี้ก็รู้กันว่าร้านค้า เวลาเช็คลายเซ็นก็ไม่ดูมาก เซ็นคล้ายๆ ก็ผ่านแล้ว ขโมยมันค่อยๆรูดวันละนิดวันละหน่อย ( มีเวลานานนี่ ตั้งหลายวัน บาง Case หลายอาทิตย์ กว่า Statement จะมา) รวมกันหลายวันก็เป็นแสนได้ แบงก์ก็แจ้งว่าในข้อตกลงของบัตรเครดิต ถ้ามีการใช้บัตรขโมย โดยเจ้าของบัตรไม่ได้แจ้งอายัติบัตร เจ้าของบัตรจะต้องรับผิดชอบชดใช้ยอดนั้นๆ
บทเรียนจากกรณีนี้ ไอ้ที่บอกว่าให้เช็คบัตรดูให้ดีมันของแน่อยู่แล้ว ต่อไปนี้เป็นคำแนะนำเพิ่มเติม
1. อย่าถือบัตรเครดิตหลายๆ ใบ เลือกเอาเจ้าที่คิดว่าบริการดีที่สุด 1-2 ใบ แล้วยกเลิกบัตรที่เหลือไปซะ ถึงขโมยมันจะเปลี่ยนบัตรไป เมื่อคุณเอาบัตรมาใช้คราวต่อไป ( อาจจะเป็นวันเดียวกัน หรือวันถัดไป) คุณก็จะรู้ว่าบัตรโดนขโมยไป ถ้าถือบัตรหลายใบขโมยมันแค่ดูที่รอยรูด ก็รู้ว่าบัตรใบนั้นใช้บ่อยหรือไม่ มันจะเลือกใบที่ไม่มีรอยรูด เพราะรู้ว่าคุณไม่ค่อยได้สนใจใช้
2. พยายามทำบัตรเครดิตของตัวให้มีข้อสังเกตพิเศษ ไม่เหมือนใคร เช่น Photo Card มีรูปตัวเอง รูปหมา รูปแมวบนบัตร บัตรมีรอยบิ่นนิดหน่อย บัตรมี sticker ส่วนตัวแปะอยู่ ( เดี๋ยวอ่าน กรณีที่ 2 จะเห็นว่ามีประโยชน์)
3. ในเมืองไทย ถ้าขโมยได้บัตรเครดิตไป โดยที่เจ้าของบัตรรู้และแจ้งอายัติ จะเอาไปใช้ในเมืองไทยไม่ค่อยได้ ขโมยจึงต้องการช่วงเวลาก่อนที่เจ้าของบัตรจะรู้ตัวให้นานที่สุด และปัจจุบันเครือข่ายบัตรเครดิตปลอมมันเป็นพวก Inter มัน copy ข้อมูลบัตรไปให้พวกมันในประเทศอื่นช่วยกันใช้ได้ด้วย
กลโกงที่ 2 เพื่อนอีกคนไปกินอาหารในภัตตาคาร แล้วก็จ่ายค่าอาหารด้วยบัตรเครดิต โดยมอบให้บ๋อยเอาไปรูด เมื่อบ๋อยเอาบัตรเครดิตมาคืน โดยปกติเพื่อนก็จะเก็บเข้ากระเป๋าเลยไม่เช็คมาก แต่วันนั้นโชคดี เพื่อนสังเกตว่า บัตรที่บ๋อยคืนมามันเป็นบัตรของคนอื่น ที่หน้าตาของบัตรเหมือนกันเดะ แต่หมดอายุแล้ว ตอนแรกเพื่อนก็ไม่คิดอะไรมาก คิดว่าเป็นความผิดพลาดของ Cashier จึงเรียกบ๋อยมาบอกว่าหยิบบัตรผิดมาให้ แต่มันน่าสังเกตุว่าบ๋อยไม่มีท่าที่ประหลาดใจอะไรเลย มันหยิบบัตร ขอโทษ แล้วเดินกลับไปหา Cashier ทำมือโบกบัตรให้ Cashier ดู Cashier ก็ไม่ทำท่าประหลาดใจใดๆ รีบหยิบบัตรของเพื่อน เปลี่ยนให้แบบเฉยเมย ไม่พูดอะไรกันสักคำ บ๋อยก็เอาบัตรของเพื่อนมาคืนให้แล้วขอโทษ ใช่แล้ว มันเป็นพวกขโมยบัตรเครดิต ถ้าเราไม่เช็คบัตรแล้วกลับไป มันอาจมีเวลา ถึง 24 ชั่วโมงในการใช้บัตรของคุณ ก่อนที่คุณจะใช้บัตรครั้งต่อไปแล้วพบว่าวงเงินเต็ม
บทเรียนจากกรณีนี้ 1. เช็คบัตรเครดิตที่คืนมาทุกครั้ง แม้ว่าบัตรจะพ้นสายตาของเราไปเพียงแค่แวบเดียวก็ตาม 2. พยายามทำบัตรเครดิตของตัวให้มีข้อสังเกตพิเศษ ไม่เหมือนใคร เช่น Photo Card มีรูปตัวเอง รูปหมา รูปแมวบนบัตร บัตรมีรอยบิ่นนิดหน่อย , บัตรมี sticker ส่วนตัวแปะอยู่

วิธีติดตามรถ เมื่อรถหายได้โดยเร็วที่สุด

หากมีเหตุจำเป็นที่จะต้องจอดรถไว้ ไม่ว่าที่ใดก็ตามย่อมมีโอกาสเสี่ยงที่จะถูกโจรกรรมได้เสมอ และเมื่อมีเหตุเกิดขึ้น เป็นเรื่องยากยิ่งที่จะติดตามกลับคืนมาได้ อันเนื่องมาจาก กำลังของเจ้าหน้าที่มีน้อยและไม่รู้เส้นทางการหลบหนี ดังนั้นจึงมีอีกวิธี ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผล 100 % คือให้ท่านหาโทรศัพท์มือถือราคาถูกๆแต่ใช้งานได้ดี Battery ดี ซิมการ์ดระบบใดก็ได้ เปิดเครื่องและซ่อนไว้ในรถในจุดที่ลับตาที่สุด ที่คิดว่าคนร้ายจะไม่เห็น เปิดเครื่อง ปิดเสียง ปิดสั่นทิ้งไว้ในรถเมื่อท่านต้องจอดในบริเวณที่มีความเสี่ยง และล็อครถ ของท่านตามปกติ
กรณีเกิดรถหาย ให้แจ้งที่ 191 เพื่อให้เจ้าหน้าที่ประสานงานกับผู้ให้บริการเครือข่ายของหมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านซ่อนไว้ในรถเพื่อค้นหาตำแหน่งของรถท่าน เพื่อการติดตามจับกุมได้อย่างรวดเร็ว โดยส่วนใหญ่ รถที่หายจะยังอยู่บนถนน หากที่ใดมีคลื่นโทรศัพท์ ก็จะสามารถระบุตำแหน่งได้ ทุกวันนี้ซิมการ์ดระบบเติมเงินบางระบบเติมเท่าใดก็ใช้ได้เป็นปี ราคาไม่กี่ร้อย บวกค่าโทรศัพท์ที่ท่านหาซื้อได้ในราคาแค่พันต้นๆ ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดแล้วครับ. อย่าลืมบอกต่อนะครับ